Mt.Fitz Roy เขาฟิตซ์รอย

Mt.Fitz Roy 

     ตั้งอยู่ในส่วนที่ราบสูงปาตาโกเนีย ทางตอนใต้ของ ประเทศอาร์เจนติน่า 
  
          บางส่วนถือเป็นแนวเขตแดนระหว่างประเทศอาร์เจนติน่า และ ชิลี ด้วยลักษณะที่โดดเด่นของยอดเขาแห่งนี้คือแนวส่วนยอดเขาจะเป็นหินแกรนิตสูงตระหง่านตั้งเด่นขึ้นมา ยอดสูงสุดราว 3,405 เมตรจากระดับน้ำทะเล ปัจจุบันมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติหลายเส้นทางในเทือกเขานี้ให้เลือก นักท่องเที่ยวต้องมาเริ่มต้นที่เมือง El Chalten ซึ่งบางคนเปรียบเปรยว่าเมืองนี้เสมือนเป็น เมืองหลวงแห่งการเทรกกิ้งของประเทศอาร์เจนตินา จะมี Tourist Information Center มี hostel มากมายบริการ การที่จะเดินทางเข้าไปในเขตภูเขา เราสามารถวางแผนได้ด้วยตนเอง มีเส้นทางหลากหลายให้เลือก มีทั้งแบบ เดินไปและกลับมาค้างในเมือง El Chalten หรือเดินเข้าไปพักค้างในเขตภูเขาเลยก็ได้ ซึ่งนักเดินทางทุกคนต้องเตรียมเสบียงอุปกรณ์แค้มปิ้งไปให้พร้อม จะพักกี่คืนก็แล้วแต่ความสามารถและความพร้อมของแต่ละคน

     เส้นทางเทรกกิ้งที่สวยที่สุด มักเป็นเส้นทางนิย,กันที่สุดคือ Laguna de los Tres trail เส้นทางนี้มีระยะทางไปกลับราว 22 กิโลเมตร ไต่ระดับสูงต่ำราว 800 เมตร ใช้เวลาราว 7-10 ชั่วโมง โดยจุดปลายสุดของการเดินจะไปสิ้นสุดที่ทะเลสาปสีเขียวมรกต ซึ่งตรงนี้เราจะเห็นยอดเขาแสนสวยสองยอดคือ Cerro Fitzroy และ Cerro Poincenot อย่างชัดเจน โดยระยะทางราว 1 กิโลเมตรสุดท้ายก่อนถึงทะเลสาปนี้ ค่อนข้างชันมาก แม้ว่าจะทำเป็นแนวเดินอย่างดี แต่เกิดอันตรายได้ ถ้าในวันที่ฝนตกหนัก ลมแรงหรือมีหิมะลงหนัก ดังนั้นก่อนเดินทางเข้ามาในเขตนี้ควรเช็คสภาพภูมิอากาศก่อนเสมอ

เส้นทางเทรกกิ้งที่สวยที่สุดและมักจะเป็นเส้นทางนิยมกันที่สุดคือ Laguna de los Tres trail เส้นทางนี้มีระยะทาง ไปกลับราว 22 กิโลเมตร

Traveler's Guild 
How to Go: จาก กรุงบัวโนสไอเรส มีสายการบินมายังเมือง El Calafate (LAN+Aero Argentina airline) จากนั้นเดินทางด้วยรถบัสจาก El Calafate มุ่งสู่ เมือง El Chalten ใช้เวลาราว 3-4 ชั่วโมง
Info: www.patagonia-argentina.com

Read More

เขาช้างเผือก กาญจนบุรี

Khao Chang Peuak เขาช้างเผือก

เขตทุ่งหญ้าและขุนเขา จังหวัดกาญจนบุรี

       เขาช้างเผือก เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ระดับความสูง 1,249 เมตรจากระดับน้ำทะเล เส้นทางเดินสู่ยอดเขาปกติจะเปิดในช่วงตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึง ปลายมกราคม ระยะทางเดินยาวราว 8 กิโลเมตร จะผ่านยอดเขาต่างๆราว 4-5 ลูก ก่อนถึงจุดกางเต๊นท์ ใช้เวลาราว 3-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู๋กับความแข็งแรงของแต่ละคน 
* การจะมาที่นี่ต้องติดต่ออุทยานแห่งชาติก่อนเสมอ เพื่อที่ทางอุทยานจะได้จัดคนนำทาง 1 คน ต่อนักท่องเที่ยวไม่เกิน 10 คน

อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ     ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยเขย่งและป่าเขาช้างเผือก ในเขตท้องที่อำเภอททองผาภูมิ และ อำเภอ สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพื้นที่ป่าที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ มีเนื้อที่ ประมาณ 700,000 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน แนวเขาวางตัวในแนวทิศเหนือ-ใต้เป็นส่วนหนึ่ง ของ เทือกเขาตะนาวศรี ความสูงของพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-1,249 เมตร มีเขาช้างเผือก ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของพื้นที่ มียอดเขาสูงสุด 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเลยอดเขาที่สำคัญฯ ได้แก่ เขาช้างเผือก เขานิซา เขาพุถ่อง เขาด่าง เขาปากประตู เขาเลาะโล เขาประหนองโทคี เขาชะโลง ฯลฯ ซึ่งเป็นต้น กำเนิด ของลำห้วยต่างๆ เช่น ห้วยมาลัย ห้วยกบ ห้วยซ่าน ห้วยองค์พระ ห้วยปีคี ห้วยปากคอก ห้วยเจ็ดมิตร ฯลฯ 

     เส้นทางการเดิน ช่วงแรกๆ จะผ่านป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ เมื่อเราเริ่มไต่ระดับสูงขึ้น จะเข้าสู่เขตทุ่งหญ้าและสันเขา เส้นทางบางช่วงแคบและชัน และจุดที่น่าหวาดเสียวที่สุด คือ จุดที่มีชื่อว่า "สันคมมีด" ซึ่งจุดนี้จะเลยบริเวณแค้มป์ที่พักไปยังยอดสูงสุดของเขาช้างเผือก ปกติเจ้าหน้าที่จะให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปยังยอดเขาสูงสุดในช่วงบ่ายและรีบให้กลับลงมาที่พักก่อนมืด บนยอดเขาช้างเผือกจะมองเห็นวิวรอบตัว 360 องศา เห็นทิวเขามากมาย เห็นทะเลสาปเขื่อนเขาแหลม และถ้าในวันที่อากาศดีดี เราจะมองเห็นไปถึงทะเลอันดามันในเขตประเทศพม่าเลยที่เดียว ส่วนตอนเช้าถ้าโชคดีก็จะพบทะเลหมอกในหุบเขารอบที่กางเต๊นท์เลย หรือถ้าใครมีแรงพอที่สามารถจะเดินย้อนกลับไปในทางที่เราเดินมาแต่แรก ขึ้นเขาไปอีกหนึ่งลูก ก็จะเจอ จุดชมวิว ที่จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทะเลหมอก พร้อม สันเขาช้างเผือก แบบเต็มๆ

เส้นทางเดินช่วงแรกๆจะผ่านป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ เมื่อเราเริ่มไต่ระดับสูงขึ้น จะเข้าสู่เขตทุ่งหญ้าและสันเขา เส้นทางบางช่วง แคบและชัน

Traveler's Guild
How to go: จาก ตัวเมืองกาญจนบุรี มุ่งสู่อำเภอทองผาภูมิ จากนั้นลัดเลาะสู่หมู่บ้านชายแดนไทยพม่า ที่มีชื่อว่า บ้านอีต่อง ก่อนถึงบ้านอีต่องราว 8 กิโลเมตร จะเป็นที่ตั้งของ ที่ทำการของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ถ้าเราติดต่ออุทยานไว้ก่อนเราสามารถนัดคนนำทางและลูกหาบให้มาเจอที่ บ้านอีต่อง ได้เลยเพราะเป็นจุดเริ่มเดินทางเท้าสู่ ยอดเขาช้างเผือก ปกติควรเริ่มเดินไม่เกิน10 โมงเช้า ดังนั้นจะดีที่สุดมาก่อน 1 วัน โดยมาพักค้างคืนทีี่บ้านอีต่องก่อน

Info: www.facebook.com/pages/อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

Read More

Komodo Island International Park อุทยานแห่งชาติโคโมโด

Komodo Island International Park อุทยานแห่งชาติโคโมโด

สถานที่นี้เป็น แห่งเดียวในโลก ที่พบมังกรโคโมโด สัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ตัวโตเต็มที่อาจยาวได้ถึง 3 เมตร หนักถึง 90 กิโลกรัม

อุทยานแห่งชาติโคโมโด

     เป็นส่วนหนึ่งของ17,508เกาะ ที่ประกอบด้วยเกาะใหญ่ 3 เกาะ คือ เกาะ Komodo เกาะ Rinca และเกาะ Padar รวมทั้งยังมีเกาะเล็กๆอีกมากมาย ซึ่งเกาะเหล่านี้กำเนิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟ มีพื้นที่รวมทั้งหมด 1,817 ตารางกิโลเมตร (ส่วนที่เป็นแผ่นดิน 600 ตารางกิโลเมตร) ในเขตอุทยานแห่งนี้ มีประชากรราว 4,000คน ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็น มรดกโลก 

     

      สถานที่นี้เป็น แห่งเดียวในโลก ที่พบ มังกรโคโมโด  สัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ตัวโตเต็มที่อาจยาวได้ถึง 3 เมตร หนักถึง 90 กิโลกรัม ปกติมังกรโคโมโดจะเคลื่อนไหวค่อนข้างช้า หาอาหารโดยการซุ่มรอคอยโจมตีเหยื่อ ซึ่งการกัดเพียงครั้งเดียว ทำให้เหยื่อเกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดและสามารถถึงตายได้ เพราะในน้ำลายจะมีแบคทีเรียที่มีพิษมากถึงราว 50 ชนิด ปัจจุบันที่เกาะ Rinca จะเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยาน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่นำนักท่องเที่ยวมาชมมังกรโคโมโด

      อุทยานแห่งชาติโคโมโด ตั้งอยู่ใกล้หมู่เกาะซุนดาน้อย ประกอบด้วยเกาะใหญ่ ๆ 3 เกาะ คือ เกาะโคโมโด เกาะริงกา และเกาะปาดาร์ และยังมีเกาะเล็ก ๆ อีก 26 เกาะ ซึ่งชื่อของเกาะนั้นตั้งตามชื่อมังกรโคโมโด สัตว์เลื้อยคลานที่ใหญ่ที่สุดอาศัยอยู่ โดยที่เจ้ามังกรนี้สามารถตัวใหญ่ได้ถึง 3 เมตร หรืออาจยาวมากกว่านั้น และมีน้ำหนักมากกว่า 70 กิโลกรัม แม้ว่ามันจะกินซากศพของสัตว์ที่ตายแล้วก็ตาม แต่พวกมันก็ยังได้ชื่อว่าเป็นยอดนักล่าที่น่าเกรงขาม และยังคงล่าเหยื่ออย่างนกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ไม่ค่อยโจมตีมนุษย์สักเท่าไหร่

     

     

      การท่องเที่ยวในหมู่เกาะนี้ นอกจากเที่ยวบกแล้ว กิจกรรมที่นิยมมากคือ การดำน้ำแบบสคูบ้า โดยมีจุดดำน้ำมากมาย โลกใต้น้ำที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์ด้วยปะการัง สัตว์น้ำใต้ทะเลที่นี่ มีตั้งแต่ตัวเล็กอย่างเช่น ม้าน้ำแคระ ทากทะเลสารพัด ฝูงปลาสารพัดชนิด และยังสามารถพบเห็นสัตว์ใหญ่อย่างฉลามนานาพันธุ์ กะเบนราหู แม้กะทั่งวาฬก็ยังพบเห็นที่นี่เป็นประจำ

การเดินทาง (Traveler's Guide)

   How to go: สนามบินใกล้ที่สุด อยู่ที่เมือง Labuan Bajo (บางที่เรียกว่า Komodo Airpost) มีไฟล์ทบิน วันละหลายเที่ยว จากเมือง Denpasar เกาะบาหลี จาก Labobuann Bajo มีเรือเช่า รถเช่า เรือเฟอร์รี่ บริษัททัวร์ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว สำหรับนักดำน้ำ

ชาวไทย ปัจจุบันนิมเริ่มออกจากบาหลีเลย โดยไปด้วยเรือ live aboard ใช้เวลาทั้งทริปราว 7-10 วัน

   Info: www.komodo.travel 

Read More

อินโด ใช้มาตรการกีดกัน สินค้าไทย

     อินโด ใช้มาตรการกีดกัน สินค้าไทย

      ประเทศอินโดนีเซีย กีดกันสินค้าจากไทยหลายประเภท อาทิ ผัก ผลไม้ พืชสวน อาหารสำเร็จรูป ปละผลิตภัณฑ์ รวมถึง ข้าวหอมมะลิ (Special Rice) โดยหากจะนำเข้าต้องผ่านข้อกำหนดในเรื่องเงื่อนไขการใช้ภาษี คือ

1) มีวัตถุประสงค์พิเศษในการนำเข้า เช่น นำเข้าเพื่อสุขภาพ

2) การบริโภคพิเศษเฉพาะกลุ่ม

3) ผู้นำเข้าจะต้องจดทะเบียนเป็นผู้นำเข้าพร้อมขอการรับรองจากกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียก่อน

4) ต้องขออนุญาตจากกระทรวงการค้าของอินโดนีเซียในแต่ละ shipment

     ทั้งนี้ การขอรับคำร้องการนำเข้าใช้เวลาในการยื่นนานมาก ตั้งแต่ 6 เดือน - 1 ปี และตั้งแต่ปี 2554 กระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียกำหนดเงื่อนไขการนำเข้าให้ผู้นำเข้า สามารถจำหน่ายข้าวหอมเฉพาะในภัตตาคาร และโรงแรมเท่านั้น และมักจะจัดสรรนำเข้าน้อยกว่าปริมาณนำเข้าจริง 30-50% ตั้งแต่ปี 2552 ผู้นำเข้าไม่เคยได้รับ คำรับรองในการนำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทยเลย

   

      ขณะที่สินค้าสัตว์น้ำสดและแปรรูป ผู้นำเข้าสัตว์น้ำจะต้องเป็นผู้นำเข้า และต้องได้รับการรับรองนำเข้าจากกระทรวงประมง และในทางปฏิบัติหากสัตว์น้ำนั้น มีอยู่ในน่านน้ำ อินโดนีเซีย ก็จะไม่สามารถ พิจารณาออกคำรับรองในการนำเข้า ที่ผ่านมาเคยกักกันและยึดสินค้าสัตว์น้ำสดและแปรรูปจากไทย ที่ท่าเรือ Tanjung Priok เมื่อเดือน มี.ค. 2554

     สินค้าผัก ผลไม้ มาตรการกำหนดให้ ผักและผลไม้จำนวน 100 รายการ ต้องควบคุมความปลอดภัยของอาหารสด ที่มาจากพืช ต้องปลอดสารเคมี การปนเปื้อนทางชีววิทยาและการปนเปื้อนจากสารเคมีต้องห้าม ปัจจุบัน ผักและผลไม้ของไทย ต้องถูกตรวจสารเคมีตกค้าง 100% เนื่องจากไทยยังไม่ได้รับการรับรองความปลอดภัยของสินค้าเกษตรจากอินโดนีเซีย

     ด้านแหล่งข่าวจากสำนักบริหารกิจการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันอินโดนีเซียถือเป็นประเทศที่มีมาตรการ หรือออกมาตรการเอ็นทีบีมากที่สุด ทั้งมาตรการการออกใบอนุญาตการนำเข้า (Import Licensing)เช่น ในสินค้าข้าวหอมมะลิ ต้องมีวัตถุประสงค์พิเศษในการนำเข้า เช่น นำเข้าเพื่อสุขภาพ การบริโภคพิเศษเฉพาะกลุ่ม ต้องจดทะเบียนเป็นผู้นำเข้า และต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงเกษตรของอินโดนีเซียก่อน จากนั้นต้องขออนุญาตกระทรวงการค้าในการนำเข้าแต่ละชิปเมนต์  มาตรการควบคุมการนำเข้า (Import control)อุปกรณ์การเกษตรประเภทจอบ เสียม และพลั่วเป็นสินค้าควบคุม เนื่องจาก ต้องปกป้องสินค้าที่ผลิตในประเทศ โดยได้แต่งตั้งบริษัทผู้รับนำเข้าเพียง 3 ราย (รัฐวิสาหกิจอินโดฯ) และผู้นำเข้าต้องขออนุญาตนำเข้าจากกระทรวงการค้าอินโดฯ
    นอกจากนี้ยังมีมาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS)เช่น ผักผลไม้ 47 รายการ ต้องนำเข้าจากแหล่งที่ปลอดจากการแพร่เชื้อแมลงวันผลไม้ นำเข้าได้ 3 ท่าเรือ 1 สนามบิน (ท่าเรือเมืองสุราบายา ท่าเรือเมืองเมดาน ท่าเรือเมืองมากัสซาร์ และสนามบินซูการ์โน-ฮัตตา) เป็นต้น

     และสามารถนำเข้าประเทศอินโดนีเซียได้เพียง 4 จุด คือ  ท่าเรือ 3 แห่ง และสนามบิน อีก1 แห่ง จากเดิมให้ 8 แห่ง ส่งผลให้ผักและผลไม้ เช่น ชมพู่ ฝรั่ง ส้ม ลิ้นจี่ มะม่วง มังคุด ขนุน มะละกอ กล้วย เงาะ พริก หอมแดง หอมหัวใหญ่ และกระเทียม ไม่สามารถนำเข้าท่าเรือจาร์กาตา ซึ่งเป็นท่าเรือหลัก ได้อีกต่อไป ทำให้ต้นทุนค่าส่งสินค้าจากไทยสูงขึ้นเป็นอย่างมาก และสินค้าได้รับความเสียหาย

     ทีมงานรายการจอโลกเศรษฐกิจ ของครอบครัวข่าว 3 เดินทางไปทำข่าวที่ประเทศอินโดนีเซีย ทีมงานเล่าให้ฟังว่า อินโดนีเซียใช้มาตรการกีดกันการค้ากับข้าวไทยอย่าเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เช่น การรณรงค์ให้คนอินโดนีเซียไม่กินข้าวทุกวันอังคาร เพราะเหตุว่า รัฐบาลอิเหนาแก้ปัญหาไม่ตกกับการขาดดุลการค้าข้าวมานานแสนนาน

     นอกจากนี้ ข้าวหอมมะลิ จากไทยนั้น ตามห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่โมเดิร์นเทรด ก็ไม่มีวางขาย เพราะรัฐบาลอินโดนีเซียสั่งห้ามวางขายข้าวหอมจากเมืองไทยผ่านช่องทางดังกล่าว เท่าที่รู้มาเพิ่มเติมคือ ไม่เพียงแค่ข้าวไทยเท่านั้น ผลไม้จากเมืองไทยคุณภาพและราคาสูง เช่น ลำไย ทุเรียน ก็ถูกหางเลขอีกด้วย

     สำหรับประเทศไทยนั้น ผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องกับการค้า การขาย กับชาวต่างชาติ ก็มัวแต่เล่นเกมทางการเมืองอยู่ ไม่มีเวลามาคิด มาอ่าน หาทางแก้ไขปัญหา ปล่อยให้นักธุรกิจไทย ต้องรับกรรม ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว ต่อไปจนกว่าจะหมดแรงตายไปเอง

Read More

เรามีกิจกรรมแอดเวนเจอร์มาแนะนำค่ะ !!!

เป็นกิจกรรมกลางแจ้ง ที่ทุกๆท่านอาจจะคิดว่าต้องร้อนแน่ๆ  

แต่กิจกรรมที่เราจะเสนอนี้เป็นกิจกรรมทางน้ำค่ะ หายห่วงได้เลย

               ช่วงนี้ถือว่าเป็นกิจกรรมยอดฮิตเลยก็ว่าได้นะค่ะ

อากาศแบบนี้ ไปโดดน้ำคลายร้อนกันไหมค่ะ

น่าเล่นมากๆเลยย

ขี่เจ็ตสกี

พายเรือคายัค

วงล้อน้ำ

อันนี้เรียกว่าอะไร เจ้าของบล๊อค ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันค่ะ 5555

อันนี้เป็นเรือปั่น พร้อมปืนยิงด้วยนะค่ะ

บานาน่าโบ๊ท

หลังจากที่ดูรูปมาเยอะเริ่มสงสัยแล้วใช่ไหมค่ะว่ากิจกรรมที่น่าสนใจพวกนี้ มีอยู่ที่ไหนกันแน่ 

งั้น..เราจะมาเฉลยเลยดีกว่า

คำขวัญของที่นี่คือ..

แคว้นโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่น้ำตก

จังหวัด กาญจนบุรี ! นั่นเองค่ะ

ถ้าอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับจังหวัดนี้ แนะนำให้ติดตามบาทความถัดไปได้เลยค่ะ

Read More

ทำไมเราถึงต้องไปเที่ยวกับบริษัททัวร์?

          หลายคนอาจจะสงสัยใช่ไหมคะ ว่าทำไมเราถึงต้องไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ ร่วมทริปกับคนที่ไม่รู้จัก
แทนที่เราจะไปเที่ยวด้วยตัวเอง แบคแพคไปเอง

ใช่ค่ะ มันสนุกก็จริง..

  แต่คุณเคยนึกไหมคะ ว่าถ้าคุณเกิดมีเหตุขัดข้อง หรือเกิดไม่สบายขึ้นมาเนี่ย
หลายประเทศเลยนะคะ ที่เค้าจะไม่จ่ายยาหรือรักษาให้คุณ

แล้วการไปเที่ยวกับบริษัททัวร์มีข้อดีตรงไหนกันล่ะ
       - ทำให้คุณสามารถไปเที่ยวได้ครบ โดยไม่ขาดจุดสำคัญ
 แน่นอนค่ะ การที่คุณไปเที่ยวเองอาจจะทำให้คุณไปถึงที่เที่ยวได้ก็จริง  แต่ว่า บ่อยครั้งนะค่ะ ที่การไปเที่ยวด้วยตัวเอง โดยขาดผู้ชำนาญในการนำเที่ยว(ไกด์) อาจทำให้คุณพลาดจุดสำคัญของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นไป นั่นก็เปรียบเสมือนคุณไปเที่ยว แต่คุณไปไม่ถึงที่นั่นเองค่ะ
        - ไม่หลงทาง
ประหยัดเรื่องเวลา กับงบที่สูญเปล่าค่ะ คุณอาจจะเสียเวลากับค่าน้ำมันไปโดยเปล่าประโยชน์เลยก็ได้นะค่ะ
        - ความปลอดภัย
ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญมากเลยนะค่ะ สำหรับการเดินทาง ถ้าไปกับบริษัททัวร์ก็หายห่วงค่ะ เรื่องความปลอดภัย
        - ความสะดวกสบาย
ในเรื่องนี้ ทำให้คุณไม่ต้องกังวล เรื่องที่พัก หรือ อาหารเลยนะค่ะ
        - มีเพื่อนใหม่
การออกทริปครั้งนึง นี่อาจจะทำให้คุณมีเพื่อนใหม่เลยก็ได้นะค่ะ
   
และสุดท้ายนี้ ใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ แนะนำให้ลองไปดูนะค่ะ คุณอาจจะพบกับประสบการณ์ที่ดีและรู้จักเพื่อนใหม่ๆก็ได้ค่ะ

Read More

"การดำน้ำใน แนวปะการังน้ำตื้น"

หลายคนอาจจะสงสัยนะค่ะว่าการดำน้ำแบบสกินไดวิ่งนั้นเป็นยังไง วันนี้เรามีความรู้เบื้องต้นมาแนะนำค่ะ  จะเป็นการดำน้ำอยู่ในบริเวณ ปะการังตามชายฝั่งซึ่งมีระดับความลึกของน้ำไม่เกิน  30 ฟุต เป็นส่วนมากแต่แนวปะการังดังกล่าวนี้มีอยู่ไม่ใช่น้อย เช่น  เกาะสิมิลัน  เกาะทะลุ  พีพี  พังงา เกาะช้าง  ตรัง  และยังมีอีกมากมาย ที่ไม่ได้กล่าวถึง น้ำตื้นในระดับความลึกเพียง 1-2 เมตรเท่านั้น  ซึ่งเป็นระดับที่เราสามารถยืนถึงได้  แต่ถ้าเราเป็นนักดำน้ำแล้ว  การยืนหรือเดินบนแนวปะการังดังกล่าวเป็นเรื่องท่ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพร่ะเป็นการทำลายปะการัง  ดังนั้นเราจึงต้องมีวิธีที่จะเข้าไปดูปะการังในเขตน้ำตื้น ให้เหมาะสมที่จะไม่ไปทำลายปะการังเหล่านั้น  ปะการังแม้ว่าดูแข็งแกร่งเหมือนหินก้ตามที แต่ก็มีความเราะบางเพราะโครงสร้างเป็นปูนเนื้อพรุน จึงมีโอกาสแตกหักได้ง่ายเมื่อถูกกระทบ แม้แต่กระแสน้ำที่แรงมากหรือพายุ ก็สามารถทำลายปะการังบางชนิดได้ ปะการังนั้นกว่าจะก่อตัวเป็นรูปร่างมาได้ ต้ออาศัยระยะเวลานานมาก ปะการังบางชนิดกว่าจะงอกออกมาได้ยาวเพียง 1 นิ้ว ก็จะกินเวลาหลายปี  แต่การทำลายปะการังจะใช้เวลาเพียงวินาทีเดียวเท่านั้น

ข้อแนะนำในการดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น

-           ถ้าควบคุมการลอยตัวในน้ำได้ไม่ดีพอจะต้องอาศัยชูชีพช่วยในการลอยตัว -           อย่าปล่อยเท้าให้ลงไปต่ำมากจนถูกปะการัง -           อย่ายืนพักบนแนวปะการัง -           ถ้าจำเป็นต้องพักในบางโอกาศควรเลือกยืนบนก้อนหินที่ไม่มีปะการังเกาะหรือหากไม่มีก้อนหินก็ควรเลือกยืนบนปะการังที่แข็งแรง เช่น ปะการังมันสมองหรือชนิดที่ไม่มีกิ่งก้านยื่นออกมา -           ไม่ควรแตะต้องปะการังโดยไม่จำเป็น -           อย่าเก็บปะการังขึ้นเป็นอันขาด เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และสุดท้ายต้อง ขอบคุณ Sc-holiday นะค่ะ สำหรับบทความดีๆ หากท่านใดสนใจอยากจะอ่านความรู้เพิ่มเติม แนะนำที่เว็บนี้ค่ะบริษัท scholidaytour ไม่เพียงแต่จะให้ความรู้นะคะ ถ้าท่านสนใจอยากออกทัวร์หรือ ไปท่องเที่ยวเป็นกรุ๊ป ที่นี่ก็บริการดีค่ะ

Read More